ผู้ที่สมัครสมาชิก Netflix เพื่อรับชมการต่อสู้ที่ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นระหว่าง Mike Tyson และ Jake Paul รู้สึกว่างานนี้ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปจากการดูไฟต์คืนวันศุกร์
แต่สำหรับ Jake Paul และ Mike Tyson พวกเขาแน่นอนว่าคุ้มค่ากับเงินที่ได้
แม้ว่าตัวเลขที่แน่นอนยังไม่ชัดเจน แต่รายงานจาก DraftKings Network ระบุว่า YouTuber วัย 27 ปี และอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทวัย 58 ปี จะได้รับเงินรวมกันประมาณ 60 ล้านดอลลาร์
Tyson ซึ่งก่อนการต่อสู้ครั้งนี้มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะทำเงินได้ 20 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินใกล้เคียงกับที่เขาได้รับจากการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์กับ Michael Spinks ในปี 1988 นอกจากนี้ยังเป็นเพียงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการชกตลอดอาชีพของเขา
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นรายได้จากคืนเดียวของชายวัย 58 ปี ที่เลิกชกมานานตั้งแต่ยุครัฐบาล George W. Bush
ส่วน Jake Paul นักแสดงเด็กที่ผันตัวมาเป็น YouTuber และนักมวย คาดว่าจะทำเงินได้ถึง 40 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าของ Tyson ถึงสองเท่า บางคนอาจบอกว่า Tyson เป็นตำนานและเป็นขวัญใจแฟนๆ ดังนั้นเขาควรจะได้มากกว่า Paul แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา Paul มีผู้ติดตามใน YouTube เกือบ 21 ล้านคน และใน Instagram อีก 27 ล้านคน ผู้ติดตามเหล่านี้หลายคนคือกลุ่มเป้าหมายหลักของการจัดไฟต์ ทำให้ Paul มีสิทธิ์เท่าเทียมหรือมากกว่าที่จะเป็นจุดดึงดูดในงานนี้
นอกจากนี้ Paul ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Most Valuable Promotions (MVP) ที่เป็นผู้จัดโปรโมทการต่อสู้ครั้งนี้ร่วมกับ Netflix
ดังนั้น Paul เองก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน CEO ของงานนี้ด้วย
ยังไม่ชัดเจนว่าถ้ามีการรีแมตช์ระหว่าง Paul และ Tyson หรือแม้แต่ Paul กับใครก็ตาม จะประสบความสำเร็จแค่ไหน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้เร้าใจอย่างที่หลายคนคาดหวัง แถมยังมีปัญหาการสตรีมสดสะดุดตลอดคืนที่ผ่านมาทำให้ผู้ชมไม่พอใจ
