กฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับคริปโตที่รอคอยมานานอาจช่วยดึงดูดธุรกิจดิจิทัลนวัตกรรมเข้าสู่ภูมิภาคนี้ได้ แต่ก็อาจเผชิญกับความท้าทายจากรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ที่สนับสนุนคริปโตอย่างแข็งขัน
กฎหมายคริปโตใหม่ของสหภาพยุโรปกำลังจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ผู้ร่างกฎหมายในบรัสเซลส์ก็กำลังวิตกว่าพวกเขาอาจเสียเปรียบต่อการบริหารงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเน้นการสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน
กรอบกฎหมายใหม่นี้ของสหภาพยุโรปถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมตลาดคริปโต โดยมีกฎคล้ายกับภาคการเงิน เพื่อปกป้องผู้ค้าจากการหลอกลวงหรือการควบคุมตลาดที่ไม่เป็นธรรม กฎเหล่านี้อาจเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสหภาพยุโรปในฐานะผู้นำในภาคนวัตกรรม แต่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนจะมุ่งหน้าสู่การสนับสนุนคริปโตมากขึ้นเรื่อยๆ
ประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งกำลังเข้ารับตำแหน่งได้ให้คำมั่นว่ารัฐบาลของเขาจะถือครองสต็อกบิตคอยน์อย่างเป็นทางการ ซึ่งข่าวการชนะเลือกตั้งของเขาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนยังทำให้ราคาของบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
นี่เกิดขึ้นในช่วงที่ภาคคริปโตกำลังเตรียมพร้อมรับกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่ชื่อว่า “Mica” (Markets in Crypto Assets Regulation) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ในวันที่ 30 ธันวาคมนี้
“ในอีกไม่กี่สัปดาห์ ระบบนิเวศของสินทรัพย์คริปโตกำลังจะเข้าสู่กรอบการกำกับดูแลของสหภาพยุโรป” มาร์เซล ฮาก รองผู้อำนวยการใหญ่ของหน่วยบริการทางการเงินแห่งคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวในที่ประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในบรัสเซลส์
เขาเสริมว่า “สหภาพยุโรปเป็นผู้นำระดับโลกในการสร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจนและคาดเดาได้ เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและปกป้องผู้บริโภคและเสถียรภาพทางการเงิน” พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า “เราต้องทำงานเพื่อรักษาความเป็นผู้นำนี้ไว้”
กฎ Mica กำหนดให้ผู้ให้บริการ เช่น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต ต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำเพื่อแยกสินทรัพย์และป้องกันการซื้อขายภายใน นอกจากนี้ กฎเกี่ยวกับ Stablecoins ซึ่งเป็นคริปโตที่ผูกมูลค่ากับสินทรัพย์อย่างทองคำหรือดอลลาร์สหรัฐ ก็เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
### การแข่งขันข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
แม้ว่าผู้สนับสนุนบางรายจะเชื่อว่ากฎหมายใหม่นี้สามารถช่วยส่งเสริมภาคคริปโตให้เติบโตได้ แต่ก็มีผู้ร่างกฎหมายบางส่วนที่กำลังจับตามองการแข่งขันจากฝั่งสหรัฐฯ ด้วยความกังวล
“อุตสาหกรรมคริปโตเคยถูกดึงดูดเข้ามายุโรปเพราะความเสถียรและความแน่นอนของกฎระเบียบ” ออนเดรจ โควาริค สมาชิกสภายุโรปกล่าว และเพิ่มเติมว่า “ธนาคารแบบดั้งเดิมที่มีใบอนุญาตธนาคารมีทุกสิ่งที่จำเป็นใน Mica เพื่อออก Stablecoins”
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่าหากกฎระเบียบในสหรัฐฯ เปลี่ยนไปในทิศทางที่เป็นมิตรต่อดิจิทัลมากขึ้น สหรัฐฯ อาจกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกครั้ง
นักการเมืองบางคนยังแสดงความหวังว่า Mica จะช่วยให้ยุโรปสามารถไล่ตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ หลังจากที่พลาดโอกาสในอดีต
“เราแพ้เกมด้าน AI เพราะเราร่างกฎหมายก่อนที่มันจะเริ่มปรากฏในยุโรป” นิโคส ปาปันเดรียว สมาชิกสภายุโรปกล่าว พร้อมเน้นว่ากฎหมาย Mica นี้เปิดพื้นที่สำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้พัฒนา
เขายังแสดงความกังวลว่านโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตในสหรัฐฯ อาจทำให้ธุรกรรมที่ใช้เงินดอลลาร์มีบทบาทมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินยุโรปลดบทบาท และนี่ก็เสริมเหตุผลว่าทำไมยุโรปควรมีเงินยูโรดิจิทัล
“ด้วยชัยชนะของทรัมป์ Stablecoins จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นธนาคารกลางยุโรป (ECB) จึงต้องมีเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อรักษาความเป็นอธิปไตยทางการเงิน” เขากล่าว
### มุมมองอื่น ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน
สำหรับบางคน การมุ่งเน้นไปที่คริปโตเคอเรนซีอย่างบิตคอยน์อาจเป็นการมองข้ามศักยภาพอื่นๆ ของเทคโนโลยีนี้
“เมื่อเราพูดถึงสิ่งที่ทรัมป์คิด เราพูดถึงเรื่องเงินคริปโต” มาธิเยอ มิเชล รัฐมนตรีของเบลเยียมกล่าว แต่เขาชี้ว่าควรมองหาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนในด้านอื่นๆ มากกว่า
“แนวทางของผมในการมองบล็อกเชนคือการนำมันมาใช้สนับสนุนระบบงานสาธารณะ ที่ให้ความโปร่งใสและความปลอดภัย” มิเชล กล่าว พร้อมเสนอว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ชื่อ “Europeum” อาจเป็นตัวช่วยสำคัญ โดยสามารถใช้รองรับบริการออนไลน์ เช่น การจัดการตัวตน ทำให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนใบขับขี่ออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
แม้ว่าบางคนจะมองว่าแนวคิดนี้ขัดกับหลักการเดิมของคริปโต ที่ถูกสร้างมาเพื่อลดบทบาทคนกลางอย่างธนาคารหรือรัฐบาล แต่มิเชลหวังว่าการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีนวัตกรรมและความปลอดภัยจากกฎระเบียบอาจช่วยเชื่อมโยงสองโลกนี้เข้าด้วยกัน
