NBA กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เมื่อการแข่งขันเพลย์ออฟขยายตัวโดยเพิ่มเกมเพลย์อิน ทำให้ 20 จาก 30 ทีมสามารถเข้าสู่รอบหลังฤดูกาลได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ลดความสำคัญของการแข่งขันฤดูกาลปกติ 82 เกมลงอย่างมาก แม้ว่าช่วงเวลาสองเดือนของรอบเพลย์ออฟ NBA จะเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดึงดูดสายตาผู้ชม แต่ช่วงเวลาหกเดือนของฤดูกาลปกติคือส่วนสำคัญที่สร้างรายได้หลักจากการขายตั๋วและการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ฤดูกาลที่ผ่านมา NBA พยายามสร้างความน่าสนใจในช่วงฤดูกาลด้วยการจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ในฤดูกาล ซึ่งปีนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Emirates NBA Cup” โดยเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในรูปแบบเกมกลุ่ม ก่อนที่ 8 ทีมจะเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ระหว่างวันที่ 10-17 ธันวาคม อย่างไรก็ตาม ทัวร์นาเมนต์นี้ไม่มีความสำคัญเชิงการแข่งขัน เนื่องจากทุกเกมยังคงถูกนับเป็นชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในฤดูกาลปกติ และการชนะถ้วยนี้ไม่ได้มอบข้อได้เปรียบพิเศษใดๆ ให้ทีมผู้ชนะ (แม้ผู้เล่นที่เข้าสู่รอบน็อกเอาต์จะได้รับโบนัสระหว่าง $100,000 ถึง $500,000)
คำถามคือ NBA Cup นี้เป็นเพียงกลยุทธ์ราคาถูกหรือเป็นการทดลองที่คุ้มค่า? สำหรับธุรกิจด้านความบันเทิง คำตอบจะถูกตัดสินโดยผู้บริโภคผ่านยอดขายตั๋ว, เรตติ้งทีวี และการมีส่วนร่วมออนไลน์ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรถูกยกเลิกทันทีจากการทดลองครั้งนี้ คือ “สนามบาสเกตบอลสีสันสดใส” ที่ออกแบบมาเพื่อให้แตกต่างจากเกมปกติ ซึ่งกลับสร้างความยุ่งยากแทน
ปัญหาของสนามสีสันสดใสไม่ใช่เรื่องของรสนิยม หรือการยึดติดกับประเพณี แต่เป็นปัญหาด้านธุรกิจ เนื่องจาก NBA ต้องพึ่งพาการถ่ายทอดสด และเพิ่งเซ็นสัญญามูลค่า 76 พันล้านดอลลาร์กับ ESPN/ABC, NBCU และ Amazon Prime Video ในมุมมองของการผลิตรายการโทรทัศน์ สนามที่มีสีฉูดฉาดทำให้เสียหลักการพื้นฐานของการถ่ายทำ ที่ควรทำให้ผู้ชมสามารถติดตามการเคลื่อนไหวและแยกแยะตัวละครในสนามได้ง่าย
สนามไม้เมเปิ้ลแบบดั้งเดิมช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับผู้เล่นและลูกบอล การออกแบบนี้ทำให้ผู้ชมมองเห็นได้ชัดเจนและสามารถโฟกัสไปที่สิ่งสำคัญที่สุดในเกม นั่นคือผู้เล่น การเคลื่อนไหว และการแข่งขัน แต่สนามสีฉูดฉาดกลับทำให้สิ่งเหล่านี้สูญเสียความเด่นชัดไป
ตัวอย่างเช่น การแข่งขันระหว่าง Cleveland Cavaliers ที่ยังไม่แพ้ใครกับ Boston Celtics เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเกมใน NBA Cup สนามสีเขียวของบอสตันทำให้แม้แต่ทีวี 4K คุณภาพสูงยังไม่สามารถแยกแยะผู้เล่นได้ง่าย ผู้เล่นอย่าง Jayson Tatum และ Jaylen Brown กลับดูไม่โดดเด่นเหมือนเคย เพราะสีของสนามเบียดบังรายละเอียดสำคัญของพวกเขา
จุดเด่นของ NBA คือความใกล้ชิดระหว่างผู้ชมกับผู้เล่น สนามบาสเกตบอลมีขนาดเล็กกว่าเบสบอลและฟุตบอล และใบหน้าของผู้เล่นไม่ได้ถูกปกปิดเหมือนในฮอกกี้หรือฟุตบอล ความเป็นตัวตนของผู้เล่น ทั้งทักษะ สไตล์ และบุคลิกภาพ จึงถูกเผยให้เห็นอย่างชัดเจนบนสนาม นี่คือสิ่งที่ทำให้ NBA มีเสน่ห์ในฐานะ “รายการทีวี”
ช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ NBA เช่น เกมที่ Michael Jordan ลงแข่งขันในปี 1997 ขณะป่วยอาหารเป็นพิษ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวมนุษย์ผ่านกีฬา ซึ่งเป็นสิ่งที่สนามแบบดั้งเดิมช่วยสนับสนุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สนามสีฉูดฉาดของ NBA Cup กลับขัดขวางการผลิตรายการทีวีที่มีคุณภาพ การเปลี่ยนมุมกล้องในเกมกลายเป็นเรื่องยาก เพราะสีของสนามสร้างความไม่ต่อเนื่องและรบกวนสายตา สิ่งนี้ทำให้ประสบการณ์การรับชมลดลง และเป็นความผิดพลาดใหญ่สำหรับธุรกิจบันเทิงที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ
NBA ควรเรียนรู้ว่าความเรียบง่ายของสนามไม้เมเปิ้ลช่วยให้ทุกองค์ประกอบในเกมโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่ลูกบาสเกตบอล สนามแบบนี้ทำหน้าที่เป็นผืนผ้าใบสำหรับเรื่องราวที่หลากหลายและเต็มไปด้วยสีสันของ NBA และการไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ