อิตาลีกลายเป็นประเทศแรกที่คว้าแชมป์เดวิสคัพสองปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2013
ยานนิค ซินเนอร์ ช่วยให้อิตาลีคว้าแชมป์เดวิสคัพเป็นสมัยที่สองติดต่อกันในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยการเอาชนะ ทัลลอน กรีกสปัวร์ 7-6 (2), 6-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้อิตาลีชนะเนเธอร์แลนด์ 2-0 ในการแข่งขันทีมระดับโลกนี้
มาเตโอ แบร์เรตตินี เปิดคะแนนให้อิตาลีนำก่อน ด้วยการเอาชนะ โบติก ฟาน เดอ ซานด์สคูลป์ 6-4, 6-2 ในการแข่งขันซิงเกิลแมตช์แรก บนสนามฮาร์ดคอร์ทในร่มที่ Palacio de Deportes Jose Maria Martin Carpena ทางตอนใต้ของสเปน
ทีมชาติอิตาลี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ ที่ส่งเสียงเชียร์และเล่นกลองอย่างกระตือรือร้นในกลุ่มผู้ชมกว่า 9,200 คน กลายเป็นประเทศแรกที่คว้าแชมป์เดวิสคัพสองครั้งติดกัน นับตั้งแต่สาธารณรัฐเช็กในปี 2012 และ 2013
“พวกเรามีความสุขมากที่ได้ถ้วยรางวัลนี้อีกครั้ง” ซินเนอร์ ผู้เล่นอันดับหนึ่งของทีมกล่าว “นี่คือการแข่งขันที่สำคัญมาก … ถ้ามันไม่สำคัญ ผมก็คงไม่มาที่นี่”
เมื่อซินเนอร์ปิดฉากการแข่งขันด้วยการเสิร์ฟลูกสุดท้ายสำเร็จ เขาได้ยกแขนขึ้นแสดงความยินดี ไม่นานหลังจากนั้น แบร์เรตตินีและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ก็เข้ามารวมตัวกันบนสนามเพื่อฉลองชัยชนะ พวกเขาสวมกอดกันและกระโดดดีใจพร้อมกัน กัปตันทีม ฟิลิปโป โวลันดรี ถึงกับยกซินเนอร์ขึ้นจากพื้นด้วยความดีใจ
ซินเนอร์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในมาลากา ด้วยการชนะ 4 แมตช์ รวมถึงการจับคู่กับแบร์เรตตินีในประเภทคู่และเอาชนะอาร์เจนตินาในรอบก่อนรองชนะเลิศ
ซินเนอร์เสิร์ฟเอซได้ถึง 15 ครั้งในการแข่งขันกับกรีกสปัวร์ และยืดสถิติไม่แพ้ใครในแมตช์ซิงเกิลระดับทัวร์เป็น 14 แมตช์และ 26 เซ็ต โดยก่อนหน้านี้เขาคว้าแชมป์ ATP Finals เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
การก้าวขึ้นมาของซินเนอร์ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการเทนนิสในปีนี้ เขาทำสถิติชนะ 73 แมตช์ แพ้เพียง 8 ครั้ง และคว้าแชมป์ซิงเกิลได้ถึง 8 รายการในปี 2024 รวมถึงการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมครั้งแรกที่ Australian Open ในเดือนมกราคม และ US Open ในเดือนกันยายน
สำหรับเนเธอร์แลนด์ ทีมสามารถผ่านเข้ารอบชิงเดวิสคัพเป็นครั้งแรก หลังจากเอาชนะทีมสเปนของ ราฟาเอล นาดาล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
ก่อนปีที่แล้ว อิตาลีเคยคว้าแชมป์เดวิสคัพเพียงครั้งเดียวในปี 1976 ซึ่งทำให้โวลันดรีกล่าวกับลูกทีมว่า “พวกเราต้องการสร้างประวัติศาสตร์”
แม้กรีกสปัวร์จะเคยติดอันดับสูงสุดถึงอันดับ 21 และปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 40 แต่เขายังไม่เคยผ่านเข้ารอบสามของรายการใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขามีเสิร์ฟที่แข็งแกร่ง โดยเสิร์ฟเอซได้ถึง 25 ครั้งในรอบรองกับเยอรมนี ซึ่งช่วยให้เขาต่อกรกับซินเนอร์ได้ดีในเซ็ตแรก
ในช่วงไทเบรก ซินเนอร์แสดงความนิ่งและพร้อมสำหรับช่วงเวลาสำคัญ โดยปิดเซ็ตด้วยการเสิร์ฟเอซ
ในเซ็ตที่สอง ซินเนอร์เริ่มต้นด้วยการเบรกนำก่อน แต่กรีกสปัวร์ก็พยายามตอบโต้ โดยนำถึง 30-0 ในเกมเสิร์ฟของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ซินเนอร์ยังคงมั่นคงและปิดเกมไปได้โดยไม่เสียเกมอีกเลย
ก่อนหน้านี้ แบร์เรตตินี ซึ่งเคยเป็นรองแชมป์วิมเบิลดันในปี 2021 ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัว ก่อนจะเข้าคุมเกมและปิดแมตช์ด้วยชัยชนะ ส่งผลให้อิตาลีเดินหน้าสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
