บิทคอยน์กำลังกลับมาบูมอีกครั้ง และอุตสาหกรรมคริปโตก็เริ่มฟื้นตัว แต่ในขณะเดียวกัน การปลดพนักงานก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด บริษัทขุดบิทคอยน์ของอเมริกาอย่าง Foundry ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ได้ยืนยันว่าได้ลดจำนวนพนักงานลงถึง 16% Foundry ถือเป็นหนึ่งในบริษัทขุดบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
บริษัทออกแถลงการณ์ว่า “เราได้ตัดสินใจอย่างยากลำบากในการลดจำนวนพนักงานใน Foundry ซึ่งส่งผลให้มีการปลดพนักงานในหลายทีม” นอกจากนี้ยังมีการปรับลดทีมงานขนาดเล็กในประเทศอินเดียด้วย
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราได้ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่จะมุ่งเน้นธุรกิจหลักของ Foundry ซึ่งก็คือการดำเนินการกลุ่มเหมืองขุดบิทคอยน์อันดับหนึ่งของโลก และการขยายธุรกิจการดำเนินงานในพื้นที่ ในขณะที่เราสนับสนุนการพัฒนาบริษัทใหม่ของ DCG อย่าง Yuma รวมถึงการแยกธุรกิจขุดด้วยตัวเองที่ประสบความสำเร็จของ Foundry”
Yuma เป็นแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเป็นบริษัทในเครือของ Foundry ทั้งนี้ Digital Currency Group (DCG) ซึ่งเป็นเจ้าของ Foundry ได้แจ้งผู้ถือหุ้นหลังการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ว่าการดำเนินงานด้านการขุดจะเหมาะสมที่สุดหากแยกเป็นธุรกิจเดี่ยว นอกจากนี้ Foundry ยังให้บริการเกี่ยวกับการฝากเหรียญ (staking) สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เช่น Ethereum
แม้ราคาคริปโตจะพุ่งสูงขึ้น แต่หลายบริษัทใหญ่ในวงการ เช่น Consensys ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Ethereum, Kraken แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ และ dYdX แพลตฟอร์มจากนิวยอร์ก ก็ได้ลดจำนวนพนักงานลงในปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญเคยระบุว่าความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบมีส่วนทำให้บริษัทต่าง ๆ ตัดสินใจปรับลดขนาดองค์กร
อุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์นั้นถือว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก เพราะรางวัลสำหรับนักขุดจะถูกลดลงทุก ๆ 4 ปี อีกทั้งต้นทุนในการดำเนินธุรกิจก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การขุดบิทคอยน์คือกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีพลังประมวลผลสูงเพื่อยืนยันธุรกรรมบนเครือข่ายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 14 ปีก่อน การขุดบิทคอยน์สามารถทำได้ด้วยคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แต่เมื่อเครือข่ายเติบโตขึ้น อุตสาหกรรมนี้ก็เติบโตตามไปด้วย ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง ปัจจุบันนักขุดส่วนใหญ่มักดำเนินธุรกิจในรูปแบบฟาร์มเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก
นักขุดจะได้รับรางวัลเป็นบิทคอยน์ที่สร้างใหม่จากการทำงานของพวกเขา และเมื่อเวลาผ่านไป กระบวนการผลิตบิทคอยน์ก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง