เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทีมชิคาโก แบร์ส ได้สร้างเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของทีม โดยการปลดเฮดโค้ช แมตต์ อีเบอร์ฟลัส ออกจากตำแหน่งกลางฤดูกาล และผู้นำทีมได้อธิบายว่าเหตุใดจึงเป็น “เวลาที่เหมาะสม” ในการตัดสินใจครั้งนี้
อีเบอร์ฟลัสพาทีมแพ้ 6 เกมสุดท้ายติดต่อกัน รวมถึง 3 เกมที่แพ้อย่างสูสีให้กับทีมในกลุ่ม NFC North และเขาก็กลายเป็นเฮดโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ของทีมที่ถูกปลดกลางฤดูกาล
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากผลงานที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะการจัดการเวลาที่ไม่ดีในช่วงท้ายเกมกับทีมดีทรอยต์ ไลออนส์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้นำทีมต้องลงมือเปลี่ยนแปลง
“เมื่อคุณดูสถานการณ์ท้ายเกมและความละเอียดในการจัดการในช่วงเวลาสำคัญเหล่านั้น มันชัดเจนว่าหลายเกมของเราแพ้เพราะเราไม่สามารถก้าวข้ามจุดวิกฤตไปได้” โพลส์กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์
อีเบอร์ฟลัสมีสถิติ 5-19 ในเกมที่แพ้-ชนะอย่างสูสี ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ NFL สำหรับโค้ชที่คุมทีมอย่างน้อย 20 เกม และยังมีความกังวลว่าผู้เล่นในทีมเริ่มหมดศรัทธากับการจัดการสถานการณ์สำคัญของเขา
วอร์เรนยอมรับเมื่อวันจันทร์ว่าการปลดอีเบอร์ฟลัส “ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย” แต่ยืนยันว่า “เป็นเวลาที่เหมาะสม” และการมีโค้ชชั่วคราวอย่างโทมัส บราวน์ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำทีมว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็น
“โทมัสเป็นคนที่ฉลาดมาก เขาขยัน มีประสบการณ์จากการเติบโตในวงการกีฬา เขามีความสามารถด้านการเป็นผู้นำ เขาตัดสินใจเด็ดขาด และเขาชัดเจน ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นเขานำทีมของเรา” วอร์เรนกล่าว
วอร์เรนยังระบุว่าการเริ่มต้นค้นหาโค้ชใหม่ตั้งแต่ตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลต่อทิศทางขององค์กรในระยะยาว
“ช่วง 5-6 สัปดาห์ต่อจากนี้มีความสำคัญมาก และแม้จะไม่อยากพูดว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะกำหนดเส้นทางของแฟรนไชส์ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า แต่มันก็เป็นเรื่องจริง เราต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมมานำทีมและสร้างชุมชนของเรา” วอร์เรนกล่าว
ความมุ่งมั่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายของวอร์เรนและโพลส์ในการมองไปยังอนาคต แทนที่จะจมอยู่กับผลงานที่ผ่านมา ขณะที่ทีมกำลังเตรียมตัวสำหรับช่วงสุดท้ายของฤดูกาล
“เรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ ลืมเรื่องในอดีตไป แล้วเดินหน้าร่วมกัน เพราะผมไม่อยากเสียพลังงานไปกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว” วอร์เรนกล่าว
