ในเกมที่ออร์แลนโด เมจิก เจอกับฟีนิกซ์ ซันส์ เจเลน ซักส์ การ์ดของเมจิกกำลังเจอความกดดันอย่างหนัก เขานั่งอยู่ในห้องล็อกเกอร์ช่วงพักครึ่งและพูดกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “ปล่อยไป” หลังจากที่เขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานในครึ่งแรก
ทีมเมจิกต้องเล่นโดยไม่มีสองผู้เล่นตัวหลักอย่าง เปาโล บันเชโร และฟรานซ์ แวกเนอร์ ซึ่งทั้งคู่เจ็บหนักจากอาการกล้ามเนื้อฉีก ทำให้ซักส์และทีมต้องพยายามมากขึ้นเพื่อทดแทนการขาดหายไปของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ซักส์เริ่มต้นเกมด้วยการยิงพลาดถึง 3 ใน 4 ครั้งแรกและทำเทิร์นโอเวอร์หลายครั้ง เขาตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะหยุดกดดันตัวเองและกลับมาเล่นในแบบที่เขาถนัดที่สุด
“ผมรู้สึกกดดันเพราะสถานการณ์มันไม่ปกติ” ซักส์กล่าว “แต่ในครึ่งหลัง ผมแค่ปล่อยไป ผมเขียนไว้ในสมุดบันทึกของผมว่าให้หาวิธีที่จะหาความสุข หาช่วงเวลาที่จะยิ้ม และช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม มันช่วยให้ผมปลดปล่อยตัวเองจากความคิดที่ว่า ‘ผมต้องทำแบบนี้ ต้องทำแบบนั้น'”
เมื่อซักส์ปล่อยตัวเองให้เล่นอย่างสบาย ๆ ผลลัพธ์ก็ออกมาดีมาก เขาจบเกมด้วยคะแนนสูงสุดของทีมที่ 26 แต้ม ช่วยให้เมจิกชนะซันส์ 115-110 และเป็นชัยชนะในบ้านครั้งที่ 10 ติดต่อกัน โดยเฉพาะในควอเตอร์ที่สี่ เขาทำได้ถึง 14 แต้ม รวมถึงช็อต 3 แต้มสำคัญและคะแนนต่อเนื่อง 8 แต้มในเวลาเพียง 1:47 นาที ซึ่งเปลี่ยนเกมให้เมจิกนำ 103-100 และไม่เสียการนำอีกเลย
“ภูมิใจในทีมมากครับ” ซักส์กล่าว “เมื่อสองผู้เล่นหลักที่สำคัญทั้งในเกมรุกและเกมรับต้องออกไป มันยากที่จะหาคนมาแทนที่ได้ แต่เราพูดคุยกันก่อนเกมว่าเราต้องร่วมมือกัน มันต้องเป็นความพยายามของทั้งทีม และเราก็ทำได้”
โกก้า บิตัดเซ ทำคะแนนได้ 21 แต้มและเก็บรีบาวด์ได้ถึง 16 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติส่วนตัว รวมถึงการเก็บรีบาวด์สำคัญในช่วงวินาทีสุดท้ายเพื่อปิดเกม โคล แอนโธนี ทำคะแนนจากม้านั่งสำรองได้ 14 แต้ม ส่วนมอริตซ์ แวกเนอร์ เพิ่มอีก 10 แต้มและ 6 รีบาวด์
เมจิก (17-9) ยังคงเป็นทีมเดียวใน NBA ที่ไม่แพ้ในบ้าน แม้จะไม่มีผู้ทำคะแนนสูงสุดลงสนามตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ซักส์มีบทบาทสำคัญในการรักษาสถิตินี้ไว้ในขณะที่บันเชโรกำลังพักฟื้น และเขาจะต้องทำหน้าที่ต่อไปหลังจากแวกเนอร์ถูกตัดสินให้อยู่นอกสนามแบบไม่มีกำหนด
“มันสำคัญมากครับ” ซักส์กล่าวถึงการรักษาเอกลักษณ์ของทีมโดยไม่มีบันเชโรและแวกเนอร์ “เราแค่ต้องออกมาเล่นด้วยความสนุก เชื่อมั่นในเพื่อนร่วมทีม และสนุกกับเกมครับ”
