ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ช่วงกระแสคริปโตในปี 2021
กองทุน ETFs (Exchange-Traded Funds) ในสหรัฐที่ลงทุนโดยตรงใน Bitcoin ได้รับเงินลงทุนไหลเข้ามากว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี โดยนักลงทุนมองว่าการสนับสนุนของเขาต่อวงการคริปโตอาจสร้างโอกาสให้ตลาดนี้เติบโตอย่างมาก
กองทุน ETFs จากบริษัทชั้นนำอย่าง BlackRock Inc. และ Fidelity Investments ได้รับเงินไหลเข้ามารวมกว่า 9.9 พันล้านดอลลาร์ในช่วงหลังวันเลือกตั้ง (5 พฤศจิกายน) ทำให้สินทรัพย์รวมของกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 113 พันล้านดอลลาร์
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แต่งตั้งผู้สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) คนใหม่ และยังได้ตั้งตำแหน่ง “ซาร์” สำหรับปัญญาประดิษฐ์และคริปโตในทำเนียบขาวเป็นครั้งแรก
Bitcoin ได้ทะลุระดับ $100,000 เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม และล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ $98,860 ณ เวลา 11:55 น. วันจันทร์ในสิงคโปร์ การเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 6 สัปดาห์ของ Bitcoin ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ยาวนานขนาดนี้นับตั้งแต่ปี 2021
อย่างไรก็ตาม Bitcoin มีความผันผวนสูงหลังจากแตะระดับ $100,000 โดยราคาลดลงไปที่ประมาณ $92,000 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความระมัดระวังต่อแนวโน้มในอนาคต
David Lawant หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก FalconX กล่าวว่าการที่จะทำให้ Bitcoin ยืนเหนือระดับ $100,000 อย่างมั่นคง อาจต้องการปัจจัยบวกเพิ่มเติมเข้ามาช่วยสนับสนุน
นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐยังได้อนุมัติให้กองทุน ETFs ที่ลงทุนใน Ether โดยตรง (Spot-Ether ETFs) ซึ่งประกอบด้วยกองทุน 9 กองทุน ได้รับเงินไหลเข้าสุทธิรวมเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์หลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ โดย Ether ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัลอันดับสอง มีผลการดำเนินงานดีกว่า Bitcoin ในช่วงนี้