แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะที่น่าทึ่งในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ด้วยการพลิกสถานการณ์ในช่วงท้ายเกม ยิงสองประตูรวดในนาทีสุดท้าย เอาชนะคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 2-1 ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม
เกมเริ่มต้นอย่างระมัดระวังในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ก่อนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะขึ้นนำจากลูกโหม่งของโยชโก กวาร์ดิโอล กองหลังชาวโครเอเชียที่ส่งบอลผ่านมืออังเดร โอนาน่า นายทวารของยูไนเต็ดไปตุงตาข่ายในครึ่งแรก
ในครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ดเริ่มเร่งเครื่องและมีโอกาสดีถึงสองครั้งในการตีเสมอ ครั้งแรกเป็นจังหวะที่อาหมัด ดิยัลโล โหม่งแต่ถูกเอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูซิตี้เซฟเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด และอีกครั้ง บรูโน่ เฟอร์นันเดสพลาดโอกาสสำคัญในการยิงตัวต่อตัวกับนายทวาร
เมื่อดูเหมือนว่าแมนฯ ซิตี้กำลังจะเก็บสามแต้มได้สำเร็จ เฟอร์นันเดสกลับมาตีเสมอให้ทีมในนาทีที่ 88 จากความผิดพลาดของมาเตอุส นูเนส ก่อนที่ดิยัลโลจะทำประตูชัยในนาทีที่ 90 ด้วยการหลุดเข้าไปยิงผ่านเอแดร์ซอน ทำให้ยูไนเต็ดคว้าชัยชนะสุดดราม่าในเกมนี้
สำหรับแมนฯ ซิตี้ นี่เป็นเพียงชัยชนะนัดเดียวจาก 11 นัดหลังสุดในทุกรายการ และยังคงอยู่ในอันดับที่ 5 ของตาราง ขณะที่ชัยชนะในเกมเยือนเอติฮัดครั้งแรกในรอบกว่าสามปีของยูไนเต็ด ทำให้ทีมขยับขึ้นสู่อันดับที่ 12
ก่อนเกมนี้ การตัดสินใจครั้งใหญ่ของรูเบน อาโมริม หัวหน้าโค้ชของยูไนเต็ดที่เลือกไม่ใส่ชื่อมาร์คัส แรชฟอร์ดและอเลฮานโดร การ์นาโช่ในทีม กลายเป็นประเด็นถกเถียงสำคัญ โดยอาโมริมยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้บาดเจ็บ แต่เขาต้องการเลือกทีมตามแผนของเขาเอง และผลการแข่งขันที่ได้แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังใจของทีม
แม้ว่ายูไนเต็ดจะดูเหมือนขาดความเด็ดขาดในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งแรชฟอร์ดหรือการ์นาโช่อาจช่วยเติมเต็มได้ แต่สองประตูท้ายเกมก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการพลิกสถานการณ์ที่น่าทึ่ง ซึ่งบางทีนี่อาจเป็นการส่งสารจากอาโมริมถึงนักเตะทุกคนว่าไม่มีใครที่ทีมจะขาดไม่ได้ และผลลัพธ์นี้อาจเป็นคำตอบที่เขาต้องการ
ในเกมนี้ ดิยัลโลคือผู้ที่ต้องแบกภาระเกมรุกของยูไนเต็ดแทนแรชฟอร์ดและการ์นาโช่ และนักเตะวัย 22 ปีรายนี้ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นภัยคุกคามสำคัญทางฝั่งขวาด้วยการพาบอลไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ทำให้มาเตอุส นูเนส ที่เริ่มเกมในตำแหน่งแบ็คซ้ายของซิตี้ต้องปวดหัวตลอดเวลา
ดิยัลโลเริ่มเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเกือบทำประตูได้จากลูกโหม่งที่เอแดร์ซอนเซฟไว้ได้ แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นฮีโร่ด้วยประตูชัยในนาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นจังหวะยิงที่ยอดเยี่ยมและอาจทำให้แฟนๆ มีความหวังในอนาคตที่สดใสโดยไม่ต้องพึ่งแรชฟอร์ดหรือการ์นาโช่
สำหรับแมนฯ ซิตี้ แม้พวกเขาจะดูเหมือนกำลังจะคว้าชัยในเกมนี้ แต่ความเปราะบางล่าสุดของทีมก็ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนในช่วงสองนาทีแห่งความบ้าคลั่ง พวกเขาเสียประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของนูเนส และไม่มีใครพยายามกดดันลิซานโดร มาร์ติเนซก่อนที่เขาจะส่งบอลให้ดิยัลโลทำประตูชัย ซิตี้ในตอนนี้ดูเหมือนขาดความมั่นใจอย่างสิ้นเชิง และไม่เคยดูเปราะบางเท่านี้มาก่อนภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า
