การแข่งขันชกมวยระหว่างเจค พอล และไมค์ ไทสัน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่กลายเป็นเหตุการณ์กีฬาที่มีการสตรีมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ถูกลือว่ามีการจัดฉากหรือวางแผนล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม บริษัท Most Valuable Promotions (MVP) ของเจค พอล ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้ว่าไม่เป็นความจริงและไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
การแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งร่วมมือกับ Netflix และได้รับการรับรองจาก Texas Department of Licensing and Regulations (TDLR) ดำเนินการตามกฎระเบียบที่เหมาะสมทุกประการ MVP ชี้แจงว่า นักมวยทั้งสองคนต่อสู้ด้วยความตั้งใจเต็มที่เพื่อชนะ ไม่มีข้อตกลงหรือข้อจำกัดใด ๆ ที่จะขัดขวางการใช้ทักษะหรืออาวุธในการต่อสู้ของพวกเขา หากมีข้อตกลงเช่นนั้นจริง ย่อมเป็นการละเมิดกฎของ TDLR
ผลการแข่งขัน เจค พอล (11-1, 7 KOs) ชนะไมค์ ไทสัน (50-7, 44 KOs) อดีตแชมป์เฮฟวี่เวทด้วยคะแนนเอกฉันท์ คะแนนจากกรรมการคือ 80-72, 79-73, 79-73 โดยเจค พอล ชนะการปะทะถึง 78 ครั้ง จากทั้งหมด 8 ยก ยกละ 2 นาที
การแข่งขันนี้ทำลายสถิติใน ATT Stadium เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส โดยมีผู้เข้าชมถึง 72,300 คน และสร้างรายได้รวมกว่า 18,117,072 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับการแข่งขันมวยและ MMA ที่จัดนอกลาสเวกัส นอกจากนี้ Netflix ยังทำสถิติใหม่ด้วยยอดผู้ชมพร้อมกันถึง 65 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม มีคำวิจารณ์จากบุคคลในวงการกีฬา เช่น ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า ซึ่งโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า “ทุกคนพูดถึงว่าการแข่งขันครั้งนี้ถูกจัดฉาก ผมเชื่อว่ามีการวางแผนล่วงหน้า และไมค์ ไทสันถูกจำกัดความสามารถ ผมเป็นนักมวยและผมเห็นได้ชัด การทำแบบนี้เพื่ออะไร? เพื่อตัวเอง? ถ้าคุณอยากเป็นนักมวยตัวจริง คุณควรต่อสู้กับคู่แข่งที่แท้จริง”
คำให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันของเจค พอลเองก็เพิ่มความสงสัย เมื่อเขายอมรับว่าลดความแรงลงในยกที่สาม โดยบอกว่า “ใช่ ผมลดลงนิดหน่อย ผมอยากให้แฟน ๆ ได้ดูโชว์ แต่ผมไม่อยากทำร้ายใครที่ไม่จำเป็นต้องถูกทำร้าย”
MVP กล่าวว่า การกล่าวหาว่าการแข่งขันถูกจัดฉากเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลและดูถูกทั้งนักกีฬาและกีฬามวยเอง พร้อมย้ำว่าพวกเขาไม่มีทางเสี่ยงต่อการทำลายความร่วมมือใหม่กับ Netflix เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
นาคิซา บิดาเรียน ผู้ร่วมก่อตั้ง MVP ได้ปกป้องเจค พอล โดยกล่าวว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เจคเข้าสู่วงการนี้ หลายคนสงสัยในความสามารถของเขา แต่เขาได้พิสูจน์ตัวเองหลายครั้ง และสร้างสถิติประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขาประสบความสำเร็จมากขึ้น ก็ย่อมมีคนพยายามลดคุณค่าของเขา แต่เรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้เจคทำงานหนักขึ้นและบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม”
