โดนัลด์ ทรัมป์กำลังจะเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหลายคนมองว่า นโยบายของทรัมป์อาจส่งผลดีต่อวงการคริปโต ในขณะที่บางคนก็เตือนถึงความเสี่ยงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับวงการคริปโต นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งครั้งนี้คือท่าทีที่ชัดเจนของเขาที่สนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผย นอกจากนี้เขายังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรสกว่า 290 คนที่เห็นพ้องในแนวทางเดียวกัน ดังนั้นโอกาสที่เขาจะแพ้จึงมีน้อยมาก
ทรัมป์ให้คำมั่นที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับคริปโต ซึ่งอาจนำไปสู่ยุคฟื้นฟูของวงการนี้
ประธาน Coinfund คริส เพอร์กินส์ ได้กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดคริปโตที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางกฎหมายมาเป็นเวลานาน เขามองว่านี่เป็นโอกาสที่สหรัฐฯ จะสามารถยืนยันความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น บล็อกเชน ปัญญาประดิษฐ์ และการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) อย่างไรก็ตาม เพอร์กินส์เตือนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อความตื่นตัวหลังการเลือกตั้งถูกแปลงเป็นนโยบายที่มีเหตุผลและสามารถปฏิบัติได้จริง
ในยุคไบเดน วงการคริปโตต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า “การกำกับดูแลโดยการบังคับใช้” ซึ่งหน่วยงานใช้กฎหมายเก่าหลายสิบปีมาบังคับใช้กับอุตสาหกรรมใหม่อย่างคริปโต นักวิจารณ์ระบุว่าวิธีนี้ทำให้เกิดความสับสน เสียทรัพยากร และสร้างต้นทุนให้บริษัทในสหรัฐฯ กว่า 400 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังไม่สามารถป้องกันกรณีฉ้อโกงที่มีชื่อเสียง เช่น การล่มสลายของ FTX ได้
สิ่งที่วงการเรียกร้องคือการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการปกป้องผู้บริโภค นักสนับสนุนบล็อกเชนย้ำว่าควรแยกแยะระหว่างตัวเทคโนโลยีกับการใช้งาน เช่นเดียวกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์และแอปพลิเคชันไม่ได้ผิดกฎหมายโดยธรรมชาติ แต่หากมีการใช้ในทางที่ผิดก็สามารถจัดการได้ผ่านกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม คำถามยังคงอยู่เกี่ยวกับอนาคตของคริปโตภายใต้การนำของทรัมป์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cardano ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน ได้แสดงความกังวลว่าแม้ทรัมป์จะมีท่าทีสนับสนุนคริปโต แต่ก็ยังไม่มีโรดแมปหรือแผนงานที่ชัดเจนสำหรับวงการนี้ในสหรัฐฯ เขายังกล่าวว่าการสนับสนุนคริปโตของทรัมป์อาจเพิ่มความซับซ้อนในด้านกฎหมาย เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ล้อมรอบตัวเขา
Vitalik Buterin ผู้สร้าง Ethereum ก็ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการสนับสนุนนักการเมืองเพียงเพราะพวกเขาโปรโมตคริปโต เขากล่าวว่าแนวทางนี้อาจทำให้นักการเมืองไม่ต้องใส่ใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของวงการนี้
ทรัมป์ยังได้เสนอแนวคิดใหม่ ๆ เช่น การสร้างคลังสำรอง Bitcoin ระดับประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะเก็บสะสมคริปโตเคอร์เรนซีไว้ นักวิเคราะห์บางคนมองว่าท่าทีของทรัมป์ต่อคริปโตอาจมาจากผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ก็มีคนมองว่ามันสะท้อนเสียงของประชาชน
CEO ของ Robinhood วลาด เทเนฟ ยังได้กล่าวถึงวิธี “กำกับดูแลโดยการบังคับใช้” ของรัฐบาลไบเดนว่าเป็นสิ่งที่ผลักดันนวัตกรรมในคริปโตให้ออกจากประเทศ เขาแนะนำว่าหากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง อาจนำไปสู่นโยบายที่มองไปข้างหน้าและเปิดรับคริปโตมากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ทรัมป์ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา หากคริปโตตอบโจทย์เป้าหมายนี้ เราอาจได้เห็นเขาทำตามคำมั่นที่ให้ไว้
