UFC Macau จัดการแข่งขันในช่วงเช้าพิเศษสำหรับผู้ชมในอเมริกาเหนือ ซึ่งกลายเป็นการ์ดที่ไม่ควรพลาด การแข่งขันครั้งนี้เต็มไปด้วยความมันส์ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีทั้งหมด 13 คู่ และจบลงด้วยการชนะน็อกถึง 6 คู่ บนเวทีหลัก 6 คู่ มีถึงครึ่งหนึ่งที่จบด้วยการน็อกเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการกลับมา พลิกล็อก และแน่นอน ความดุเดือดที่ไม่ขาดสาย นักสู้หลายคนที่แพ้บนการ์ดหลักกำลังเผชิญสถานการณ์ที่น่าสนใจจากอายุและตำแหน่งในรุ่นน้ำหนักของพวกเขา
**เปตร ยาน กับการครอบครองสมรภูมิ**
เปตร ยาน เอาชนะ เดวีสัน ฟิเกเรโด อดีตแชมป์รุ่นฟลายเวทของ UFC อย่างราบคาบใน 5 ยก นี่คือความพ่ายแพ้ครั้งแรกของฟิเกเรโดในรุ่นแบนตัมเวท หลังจากที่เขาชนะรวด 3 ครั้งตั้งแต่ย้ายขึ้นมารุ่น 135 ปอนด์เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ฟิเกเรโดเคยเอาชนะ ร็อบ ฟอนต์, โคดี การ์บรานด์ และ มาร์ลอน เวรา
ฟิเกเรโดเข้าสู่การต่อสู้ในครั้งนี้ด้วยอันดับ #5 ในรุ่นแบนตัมเวท ส่วนยานอยู่ในอันดับ #3 ความพ่ายแพ้ครั้งนี้อาจส่งผลต่อเส้นทางของฟิเกเรโดในรุ่นนี้ โดยเขาจะอายุครบ 37 ปีในเดือนหน้า ซึ่งอาจหมายถึงเวลาที่เขาต้องรีบเร่งเพื่อไล่ล่าแชมป์
คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมสำหรับฟิเกเรโดในไฟต์ถัดไปคือ ซง ยาดง ที่เพิ่งแพ้คะแนนเอกฉันท์ให้กับเปตร ยานในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยาดงอยู่ในอันดับ #8 ของรุ่นแบนตัมเวทและเป็นนักสู้ที่มีอนาคตสดใส การชนะในไฟต์นี้อาจทำให้ผู้ชนะเข้าใกล้โอกาสชิงแชมป์มากขึ้น โดยเฉพาะถ้ามีการจบเกมแบบเด็ดขาด ถือเป็นการปะทะระหว่างเลือดเก่ากับเลือดใหม่อย่างแท้จริง
**ไฟต์ถัดไปของฟิเกเรโด: ซง ยาดง**
**ทาบาธา ริชชิ กับการเจอบทเรียนสำคัญ**
ทาบาธา ริชชิ ถูกหยุดความร้อนแรงโดย เสี่ยวหนาน หยาน นักสู้ระดับท็อป ในการพ่ายแพ้คะแนนเอกฉันท์ในไฟต์ร่วมหลัก ริชชิที่ก่อนหน้านี้ชนะ 2 ไฟต์ในปี 2024 พบกับอุปสรรคใหญ่เมื่อเธอเจอนักสู้ที่อันดับสูงกว่ามาก
ริชชิเริ่มต้นไฟต์นี้ด้วยอันดับ #10 ส่วนหยานอยู่ในอันดับ #2 นี่เป็นโอกาสทองที่เธอไม่สามารถคว้าไว้ได้ ดังนั้น ไฟต์ถัดไปของริชชิควรจะเป็น มารินา โรดริเกซ ที่ปัจจุบันอยู่อันดับ #9 ในรุ่นสตรอว์เวท โรดริเกซเองก็อยู่ในช่วงขาลง แพ้ไปถึง 4 ใน 5 ไฟต์หลังสุด การเจอกันครั้งนี้จะช่วยประเมินว่าใครพร้อมจะก้าวต่อไป
**ไฟต์ถัดไปของริชชิ: มารินา โรดริเกซ**
**ซง เคนัน กับความพ่ายแพ้สุดโหด**
ซง เคนัน ถูกน็อกเอาท์ด้วยลูกเตะส้นเท้าหมุนตัวจาก มุสลิม ซาลิคอฟ นี่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3 ใน 5 ไฟต์หลังสุดของซง ซึ่งเขาเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทั้ง เอียน มาชาโด การ์รี และ เควิน จูเซ็ต
สำหรับไฟต์ถัดไป ซงควรเจอกับ เจเรไมห์ เวลส์ นักสู้รุ่นเก๋าของ UFC ที่กำลังอยู่ในช่วงแพ้ติดกันสองไฟต์ ไฟต์นี้จะเป็นโอกาสให้ทั้งสองคนได้กลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง
**ไฟต์ถัดไปของมุสลิม: เจเรไมห์ เวลส์**
**คง หวัง กับการกลับมาหลังความพ่ายแพ้ครั้งแรก**
คง หวัง พบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกในอาชีพ MMA ต่อ กาเบรียลลา เฟอร์นันเดส ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ คง หวังมีชื่อเสียงจากการเป็นแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งเมื่อปี 2015 และเคยเอาชนะ วาเลนตินา เชฟเชนโก
ไฟต์ถัดไป คง หวัง ควรเจอกับ เวโรนิกา ฮาร์ดี ที่มีประสบการณ์ใน UFC ตั้งแต่ปี 2016 และกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มดีแม้ว่าจะแพ้ในการแข่งขันล่าสุด ไฟต์นี้จะช่วยให้คง หวัง ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
**ไฟต์ถัดไปของคง หวัง: เวโรนิกา ฮาร์ดี**
**โวลคาน ออซเดเมียร์ กับเส้นทางแห่งความท้าทาย**
โวลคาน ออซเดเมียร์ สู้จนสุดความสามารถแต่พ่ายคะแนนเอกฉันท์ให้กับ คาร์ลอส อุลเบิร์ก นี่เป็นความสูญเสียที่ยากลำบากสำหรับนักสู้อายุ 35 ปี ที่เคยชนะสองไฟต์รวดมาก่อนหน้านี้
สำหรับไฟต์ถัดไป โวลคานควรเจอกับ อาซามัต เมอร์ซากานอฟ นักสู้ไร้พ่ายที่มีสถิติ 14-0 และกำลังไต่ขึ้นมาในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ไฟต์นี้จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับทั้งสองฝ่าย
**ไฟต์ถัดไปของโวลคาน: อาซามัต เมอร์ซากานอฟ**
**ออสซี ดิแอซ กับภารกิจพิสูจน์ตัวเอง**
ออสซี ดิแอซ ถูกน็อกเอาท์ตั้งแต่ยกแรกโดย หมิงหยาง จาง ในการเปิดตัว UFC ของเขา นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับดิแอซ เนื่องจากเขาต้องการชัยชนะเพื่อรักษาที่อยู่ในโปรโมชัน
ดิแอซควรเจอกับ ไคโอ มาชาโด หรือ โฆเซ เมดินา ที่ต่างก็ต้องการชัยชนะอย่างมากเช่นกัน ไฟต์นี้จะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับทุกคนที่เข้าร่วม