สนามกีฬาลา บอมโบเนร่า ตั้งอยู่ในย่านคนทำงาน ลา โบคา กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ย่านนี้ไม่ได้มีเพียงชื่อเสียงในฐานะแหล่งกำเนิดของแทงโก้ แต่ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องแฟนฟุตบอลที่มีความกระตือรือร้นอย่างมาก ซึ่งมารวมตัวกันในวันแข่งขัน
ในวันที่มีการแข่งขัน แฟนบอลของทีมโบคา จูเนียร์ส จะมารวมตัวกันเต็มถนน โบกธง เล่นทรัมเป็ต และร้องเพลงเชียร์ไปพร้อมกัน ทั้งถนนและทางเดินรอบสนามกลายเป็นสีเหลืองและน้ำเงินเข้ม สีประจำทีมที่ทุกคนภาคภูมิใจ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในประเทศที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกและมีตำนานอย่าง ลิโอเนล เมสซี และ ดีเอโก้ มาราโดนา ไม่มีสิ่งใดรวมคนได้เหมือนกับฟุตบอล แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ปัจจุบันประเทศอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ ได้ดำเนินนโยบายการเงินใหม่ที่เข้มงวด แม้จะช่วยควบคุมเงินเฟ้อได้ แต่ก็ส่งผลให้การว่างงานเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจหดตัว อีกทั้งยังมีอัตราความยากจนสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลอย่าง อันเดรส เอสโกบาร์ คิดถึงในวันแข่งขัน เขาขับรถมาไกลถึง 400 กิโลเมตรเพื่อร่วมสนุกที่นี่
“นี่คือปาร์ตี้ นี่คือวัฒนธรรมของโบคา” เอสโกบาร์กล่าว
ในวันแข่งขัน แฟนบอลจะรวมตัวกันบนถนนเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่สนามลา บอมโบเนร่า ซึ่งเป็นทั้งสนามเหย้าของทีมและสถานที่สำคัญของกรุงบัวโนสไอเรส สนามนี้ได้รับฉายาว่า “กล่องช็อกโกแลต”
แม้สนามลา บอมโบเนร่าจะไม่ทันสมัยหรือใหญ่ที่สุดในเมือง แต่ด้วยอายุ 84 ปี สนามนี้ได้สร้างชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาที่สุดในการชมฟุตบอล โครงสร้างสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะพิเศษ โดยอัฒจันทร์ที่ชันมาก ช่วยให้แฟนบอลอยู่ใกล้ชิดกับการแข่งขันอย่างมาก
สำหรับชาวอาร์เจนตินาหลายคน ฟุตบอลเปรียบเสมือนศาสนาประจำชาติ และถ้าเป็นเช่นนั้น ลา บอมโบเนร่าก็คงเปรียบได้กับวาติกัน ความสำคัญของสนามนี้ยังเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมันเคยเป็นบ้านของดีเอโก้ มาราโดนา นักฟุตบอลในตำนานของโลก
แม้มาราโดนาจะจากไปในปี 2020 แต่ทั่วประเทศยังคงมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเขา บนระเบียงข้างๆ สนาม มีรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของมาราโดนายืนเคียงข้างกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส บุคคลสำคัญอีกคนของอาร์เจนตินา
การเข้าชมการแข่งขันที่ลา บอมโบเนร่า เปรียบเสมือนการเข้าร่วมพิธีศาสนา แฟนบอลจะตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้นและร้องเพลงจนทำให้อัฒจันทร์สั่นไหว บัตรเข้าชมอาจมีราคาสูง แต่สำหรับแฟนๆ แล้วมันคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
ตัวอย่างเช่น คาร์ลอส อาร์ไนซ์ นักบัญชีวัย 72 ปี เขาชมการแข่งขันครั้งแรกในสนามนี้เมื่อปี 1968 และตั้งแต่นั้นมา เขาพลาดเพียงไม่กี่เกมจากกว่า 1,000 เกมที่จัดขึ้นในลา บอมโบเนร่า
“มันเหมือนการไปโบสถ์วันอาทิตย์ ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ การพลาดชมเกมของโบคาสำหรับผมเหมือนกับการทำบาป” อาร์ไนซ์กล่าว
ในระหว่างการแข่งขัน อาร์ไนซ์ไม่ได้แค่นั่งชมเฉยๆ แต่เขายังร้องเพลงเชียร์ด้วยเสียงดัง ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาว่า “นักร้องเสียงเทเนอร์แห่งลา บอมโบเนร่า”
คำถามคือ แฟนกีฬาสามารถเปรียบเสมือนผู้มีศรัทธาในศาสนาได้หรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าคำตอบคือ “ใช่” เพราะกีฬามอบสิ่งสำคัญสามประการ ได้แก่ ศรัทธา แนวทางปฏิบัติ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้คล้ายคลึงกับศาสนา
สนามกีฬาอย่างลา บอมโบเนร่าจึงเป็นสถานที่พิเศษสำหรับแฟนกีฬา เพราะมันช่วยให้ผู้คนรู้สึกถึงความหมายและความงดงามของการรวมตัวกัน
สำหรับแฟนบอลโบคา ความรักในทีมไม่ได้แบ่งแยกชนชั้น การเมือง หรือรุ่นอายุ “พวกเราเหมือนกันหมด ใส่เสื้อสีเดียวกัน สีน้ำเงินและเหลือง” แฟนบอล มานูเอล อัลฟาโร กล่าว
เมื่อทีมชนะในการแข่งขัน อัลฟาโรเล่าว่าเขารู้สึกเหมือนลอยได้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่อาร์ไนซ์ นักร้องเสียงเทเนอร์ รู้สึกหมดแรงแต่เต็มไปด้วยความสุข
