ฌอน มาร์กส์ เปิดเผยแรงจูงใจเบื้องหลังการเทรดระหว่างทีมบรู๊กลิน เน็ตส์ และลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเขาได้แสดงให้เห็นถึงการวางแผนในระยะยาวของทีมเน็ตส์ในฤดูกาลนี้
มาร์กส์ ผู้จัดการทั่วไปของทีมบรู๊กลิน เน็ตส์ ได้ทำการเทรดครั้งที่สองในฤดูกาลนี้ โดยส่งโดเรียน ฟินนี่ย์-สมิธ และเชค มิลตัน ไปให้กับทีมเลเกอร์ส และได้รับดแองเจโล รัสเซล แม็กซ์เวลล์ ลูอิส พร้อมกับสิทธิ์ดราฟต์รอบสองในปี 2027, 2030 และ 2031 กลับมา
“ดีลนี้เกิดขึ้นเร็วมาก” มาร์กส์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี “เราได้พูดคุยกับหลายทีมในช่วงเวลานี้ของปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่การตกลงกับเลเกอร์สใช้เวลาแค่ประมาณครึ่งวัน หรือราวๆ 12 ชั่วโมงเท่านั้น”
มาร์กส์ยังยกย่องร็อบ เพลินก้า ผู้บริหารทีมเลเกอร์สที่เข้ามาพูดคุยอย่างจริงจัง โดยเขาได้กล่าวว่า การเทรดครั้งนี้ช่วยให้ทีมเน็ตส์สามารถวางแผนเพื่อความสำเร็จในระยะยาวได้ดีขึ้น โดยเป้าหมายหลักคือการเพิ่มทรัพย์สินด้านดราฟต์และสร้างพื้นที่เงินเดือนสำหรับปี 2025 ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมทัพในอนาคต
หลังการเทรดครั้งนี้ ทีมเน็ตส์มีสิทธิ์ดราฟต์ถึง 31 สิทธิ์ในอีกเจ็ดปีข้างหน้า แบ่งเป็นรอบแรก 15 สิทธิ์และรอบสอง 16 สิทธิ์ ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดใน NBA ณ เวลานี้ มาร์กส์ยังชื่นชมทีมงานที่ค้นหาผู้เล่นฝีมือดีจากสิทธิ์ดราฟต์ช่วงท้าย โดยเขาเชื่อมั่นว่าสิทธิ์เหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเทรดเพิ่มเติมหรือเก็บไว้ใช้เอง
อย่างไรก็ตาม การรับดแองเจโล รัสเซลกลับมาอาจส่งผลกระทบต่อแผนการ “ถอยหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า” ของทีม เพราะรัสเซลเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถในการทำเกมรุกได้ดี แต่ทีมยังไม่มีแผนที่จะปล่อยตัวเขาออกไป โดยมาร์กส์ยืนยันว่ารัสเซลมีโอกาสที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทีมในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล
“หลังจากพูดคุยกับดแองเจโลในช่วงสองวันที่ผ่านมา ผมรู้ว่าเขาตื่นเต้นที่จะกลับมาเล่นให้กับเน็ตส์” มาร์กส์กล่าว “เขาคุ้นเคยกับที่นี่ และเรายินดีต้อนรับเขากลับมา เขาเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถสูง และยังช่วยพัฒนาผู้เล่นคนอื่นๆ ในทีมได้อีกด้วย โค้ชจอร์ดี้จะหาวิธีใช้ประโยชน์จากผู้เล่นใหม่ที่เราได้รับมา และดแองเจโลมีโอกาสใหญ่ที่จะโชว์ศักยภาพของเขาในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้”