เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เดอร์ริค โรส ได้รับการยกย่องอย่างสมเกียรติและคู่ควรกับเขาเป็นอย่างยิ่ง อดีตนักบาสเกตบอลระดับตำนานได้รับเกียรติครั้งใหญ่เมื่อทีมชิคาโก บูลส์ ประกาศว่าจะนำเสื้อหมายเลข 1 ของเขาขึ้นไปแขวนไว้ที่สนามยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ในฤดูกาลหน้า พร้อมจัดพิธีสดุดีในช่วงพักครึ่งเวลา
โรส หรือที่แฟนๆ เรียกเขาด้วยความรักว่า “ดี. โรส” ได้รับข่าวนี้ในเช้าวันเสาร์ ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเมื่อรู้ว่าเสื้อหมายเลขของเขาจะถูกยกย่องอย่างเป็นทางการ
ก่อนเกมระหว่างชิคาโก บูลส์ และนิวยอร์ก นิกส์ที่สนามยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ทั้งสองทีมร่วมกันสวมเสื้อที่มีวันที่ “1.4.25” ซึ่งเป็นตัวเลขทั้งสามที่โรสเคยสวมใส่ระหว่างการเล่นอาชีพของเขา เพื่อแสดงความเคารพต่อตัวเขา
นอกจากนี้ ทีมบูลส์ยังเปิดตัว “Derrick Rose Atrium Experience” ซึ่งจัดแสดงของที่ระลึกจากอาชีพของโรส รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ร้านดอกไม้ป๊อปอัพทั่วเมืองที่จัดขึ้นโดยทีมบูลส์ร่วมกับแบรนด์อาดิดาส นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโก แบรนดอน จอห์นสัน ยังประกาศให้วันเสาร์นี้เป็น “วันเดอร์ริค โรส” อีกด้วย
ก่อนพิธีสดุดี โรสได้กล่าวว่าเขายังคงพยายามทำใจให้สงบเกี่ยวกับพิธีในช่วงพักครึ่งเวลา และย้ำว่านี่ไม่ใช่เพียงการเฉลิมฉลองสำหรับเขาเท่านั้น แต่เพื่อทุกคนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางชีวิตของเขา
“คืนนี้ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว” โรสกล่าวก่อนเริ่มเกม “มันคือการมอบเกียรติให้ทุกคนในห้องนี้ ทุกคนที่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องราวนี้ ทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ มันคือการเฉลิมฉลองของทุกคน”
พิธีสดุดีจัดขึ้นในช่วงพักครึ่งเวลา โดยมีคำกล่าวจากผู้บรรยายกีฬา สเตซี่ คิง, นีล ฟังค์ และโจอาคิม โนอาห์ เพื่อนร่วมทีมของโรส โนอาห์ยังนำเสียงเชียร์ “MVP” จากแฟนๆ ในสนามอีกด้วย
“คุณไม่ใช่แค่ MVP เท่านั้น” โนอาห์กล่าวในสุนทรพจน์ของเขา “คุณคือแชมป์ของประชาชน”
โค้ชทอม ธิโบโด ผู้เคยร่วมงานกับโรสทั้งในชิคาโก มินเนโซตา และนิวยอร์ก กล่าวด้วยความมั่นใจว่าโรสจะได้รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศ NBA อย่างแน่นอน
“เมื่อมองเข้าไปในสายตาของคู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา คุณจะเห็นความกลัวและความเคารพ” ธิโบโดกล่าว “เขามักเล่นได้ดีที่สุดในเกมสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเกมเพลย์ออฟหรือเกมที่มีความหมาย เขาสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้น และเขาทำสิ่งเหล่านั้นกับผู้เล่นที่ดีที่สุดเสมอ”
ก่อนที่โรสจะกล่าวสุนทรพจน์ของเขา มีการฉายภาพยนตร์สั้นชื่อ “Becoming a Rose” ที่กำกับโดยตัวเขาเอง ซึ่งบอกเล่าถึงความรักและความผูกพันกับบ้านเกิดเมืองชิคาโก
“ขอบคุณ ชิคาโก ที่ทำให้ผมต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยม” โรสกล่าวต่อแฟนๆ ในพิธี “สำหรับการตั้งความคาดหวังเหล่านั้นให้ผม”
ค่ำคืนพิเศษนี้สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของทีมชิคาโก บูลส์ ที่ใช้พลังจากพิธีสดุดีเพื่อพลิกเกม พวกเขาทำคะแนนนำห่างนิวยอร์ก นิกส์ถึง 24 แต้มในควอเตอร์ที่สาม และจบเกมด้วยชัยชนะ 139-126 ในค่ำคืนแห่งเกียรติยศของโรส
เดอร์ริค โรส เคยถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่งใน NBA Draft ปี 2008 โดยทีมบูลส์ และได้รับรางวัล Rookie of the Year ในปี 2008-09 เขายังติด All-Star สามครั้ง และได้รับรางวัล MVP ในฤดูกาล 2010-11 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA ที่ได้รับเกียรตินี้เมื่ออายุเพียง 22 ปี
แม้เส้นทางของโรสในลีกจะสะดุดจากการบาดเจ็บหลายครั้ง รวมถึงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าขาดและหมอนรองข้อเข่าฉีก แต่เขาก็ยังสร้างผลงานไว้มากมาย โดยรวมทำคะแนนได้ 12,573 แต้ม และแอสซิสต์ 3,770 ครั้งใน 723 เกม
แต่สำหรับโรส เขาไม่ได้มองกลับไปเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น
“ครั้งสุดท้ายที่ผมพูดถึงเรื่องนั้นคือหลายปีมาแล้ว” โรสกล่าว “แต่ถ้าผมไม่ได้เจอกับเส้นทางเหล่านี้ ผมก็คงไม่รู้จักตัวเอง ผมเคยหมกมุ่นกับบาสเกตบอลมาก ถ้าผมได้แชมป์ ผมอาจจะได้ถึง 4 ครั้ง แต่มันก็จะยิ่งพาผมออกห่างจากการค้นพบตัวตน ความรู้เกี่ยวกับตัวเอง และความเป็นตัวตน”
“เรื่องราวของทุกคนไม่เหมือนกัน สำหรับผม มันจบลงแบบนี้ และในฐานะเด็กที่เติบโตจากชิคาโก เราต้องพร้อมรับมือกับทุกสิ่ง”
บนโซเชียลมีเดีย แฟนๆ ต่างก็ร่วมกันแสดงความเคารพต่อเดอร์ริค โรสในวันสำคัญที่โลกจะจดจำว่าเป็น “วันเดอร์ริค โรส”
