หากชัยชนะในศึก FA Cup วัดจากความพยายาม ฮาร์โรเกต ทาวน์คงผ่านเข้าสู่รอบที่สี่ได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่ฟุตบอลไม่ได้ตัดสินกันเพียงแค่ความมุ่งมั่น ทีมเจ้าบ้านอย่างลีดส์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่เหนือกว่าและผ่านเข้ารอบไปได้สำเร็จ
ลาร์กี้ รามาซานี่ ยิงประตูเดียวในเกมนี้ ทำให้ลีดส์ชนะทีมที่อยู่ต่ำกว่าพวกเขาในลำดับลีกฟุตบอลถึง 68 อันดับ แม้ว่าฮาร์โรเกตจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในการต่อสู้ตลอด 90 นาทีเพื่อหยุดยั้งลีดส์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย
แดเนียล ฟาร์เก้ ผู้จัดการทีมลีดส์ เปลี่ยนตัวผู้เล่นในทีมตัวจริงถึง 8 คนจากเกมเสมอ 3-3 กับฮัลล์ แม้ว่าจะมีการหมุนเวียนผู้เล่น แต่ทีมเจ้าบ้านยังดูน่ากลัวสำหรับทุกทีมในแชมเปี้ยนชิพ ไม่ต้องพูดถึงฮาร์โรเกต ทีมของลีดส์มีผู้เล่นระดับทีมชาติถึงหกคน ในขณะที่ผู้เล่นฮาร์โรเกตเคยผ่านทีมอย่างลีค, นูนีตัน โบโรห์ และคิงส์โตเนียนมาเท่านั้น
ทีมของไซมอน วีเวอร์ มีความเคยชินกับการตั้งรับและโต้กลับ ดังนั้นพวกเขายินดีที่จะวิ่งไล่บอลเมื่อทีมลีดส์ครองเกมแทบทั้งหมดในช่วงแรก ฮาร์โรเกตจัดระเบียบเกมรับได้ดีมาก ทำให้ลีดส์แทบไม่มีพื้นที่ในการสร้างเกม
แม้ว่าลีดส์จะครองบอลถึง 80% ในช่วงแรก พวกเขากลับทดสอบผู้รักษาประตูของฮาร์โรเกต เจมส์ เบลชอว์ ได้เพียงครั้งเดียว รามาซานี่ได้รับโอกาสยิงครั้งหนึ่งในกรอบเขตโทษ แต่เบลชอว์เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ผู้เล่นฮาร์โรเกตทุกคนใช้เวลาส่วนใหญ่ในการตั้งรับอย่างแน่นหนา ลีดส์พยายามเคาะบอลซ้ายขวาเพื่อหาช่องเจาะแนวรับของฮาร์โรเกต แต่กัปตันทีมอย่างวอร์เรน เบอร์เรลล์ ต้องเข้าสกัดบอลสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกยิงของมาเตโอ โจเซฟ เข้าไปกวนตาข่าย แม้ว่าฮาร์โรเกตแทบไม่มีโอกาสทำเกมรุก แต่พวกเขาก็ยังยืนหยัดได้ดี
สนามเอลแลนด์ โร้ดเต็มไปด้วยแฟนบอลที่มาเชียร์ทั้งสองทีม แสดงให้เห็นว่า FA Cup ยังคงมีความหมายมากในพื้นที่นี้ ฝั่งแฟนบอลทีมเยือนจากฮาร์โรเกตก็มีจำนวนมากถึง 4,500 คน ทุกจังหวะการเข้าสกัดบอลของผู้เล่นฮาร์โรเกตได้รับเสียงเชียร์ดังสนั่น เพราะเกมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยสำหรับทีมเล็กๆ อย่างพวกเขา
หากจะบอกถึงความตั้งใจของฮาร์โรเกตในเกมนี้ มันสามารถสรุปได้ง่ายๆ ด้วยสถิติ: พวกเขามีโอกาสสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษของลีดส์เพียงครั้งเดียวในครึ่งแรก แต่พวกเขาไม่ได้กังวลใจเลย เพราะยังรักษาสกอร์ไว้ได้
ผู้เล่นฮาร์โรเกตแสดงถึงความอดทนและตั้งใจ แต่พวกเขาก็สร้างความหงุดหงิดให้แฟนบอลลีดส์ด้วยการถ่วงเวลาทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นลูกตั้งเตะหรือฟรีคิก พวกเขาใช้ความสามัคคีและความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้ลีดส์ทำประตู
ฮาร์โรเกตได้ลูกเตะมุมครั้งแรกในนาทีที่ 51 และมีจังหวะเรียกร้องจุดโทษจากการที่บอลกระเด้งโดนขาของปาสกาล สตรุยค์แล้วไปโดนมือ แต่กรรมการไม่ให้ และหลังจากนั้น จอช มาร์ช ก็ได้ลองยิงตรงกรอบไปที่คาร์ล ดาร์โลว์ ซึ่งเป็นการทดสอบนายประตูของลีดส์ครั้งแรก
เหมือนว่าจังหวะเหล่านี้จะเป็นสัญญาณปลุกให้ลีดส์ตื่นตัวขึ้น ประตูเปิดเกมมาจากการที่มานอร์ โซโลมอน กระชากบอลไปสุดเส้นหลังและโยนให้รามาซานี่โหม่งทำประตูจากระยะใกล้ มันเป็นช่วงเวลาที่ลีดส์โล่งใจและฮาร์โรเกตรู้สึกหมดกำลังใจ
ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ผู้เล่นฮาร์โรเกตเริ่มเกิดอาการตะคริว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช้พลังงานทุกหยดในเกมนี้ พวกเขาได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากในการป้องกันทีมอย่างลีดส์เป็นเวลาเต็มเกม
เมื่อวีเวอร์เปลี่ยนตัว เขาต้องส่งผู้เล่นที่เคยอยู่กับทีมเล็กๆ อย่างทูทิง แอนด์ มิทแชม ลงสนาม ขณะที่ฟาร์เก้สามารถส่งนักเตะระดับอดีตแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและบาร์เซโลนา ความแตกต่างในคุณภาพของทั้งสองทีมเห็นได้ชัดเจน
แม้ว่าฮาร์โรเกตจะตกรอบ แต่พวกเขาสู้กับทีมที่หวังจะกลับขึ้นพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี พวกเขาอาจจะแพ้ในสนาม แต่พวกเขาออกจากเกมนี้ด้วยความภาคภูมิใจและความทรงจำที่น่าประทับใจ