วันนี้ไม่ใช่แค่โลกของสกุลเงินดิจิทัลอีกต่อไป แต่เป็นระบบนิเวศที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่แพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ไปจนถึงเอเจนต์ AI อัตโนมัติ และระบบข้อมูลสุขภาพที่ปลอดภัย
**1. สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) กำลังมาแรง**
ประเทศบาฮามาส จาไมกา และไนจีเรีย ได้เปิดตัว CBDC ของตัวเองอย่างเป็นทางการแล้ว ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปกำลังพัฒนาดิจิทัลยูโรที่ผู้คนในเขตยูโรสามารถใช้ได้ ความต้องการ CBDC เพิ่มขึ้นเพราะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงเงินดิจิทัลได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งเงินสด เว็บไซต์ของสหภาพยุโรปเผยว่า หนึ่งในเหตุผลหลักที่ต้องมีดิจิทัลยูโรคือการไม่มีตัวเลือกการชำระเงินดิจิทัลแบบครบวงจรในเขตยูโร ปัจจุบันทุกประเทศในกลุ่ม G20 กำลังสำรวจ CBDC โดย 19 ประเทศอยู่ในขั้นตอนขั้นสูง และ 13 ประเทศ เช่น บราซิล ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย รัสเซีย และตุรกี กำลังอยู่ในช่วงทดสอบ สำหรับจีน ดิจิทัลหยวน (e-CNY) มียอดธุรกรรมสูงถึง 7 ล้านล้านหยวน (986 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในหลายภาคส่วน เช่น การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยว
**2. การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เติบโตอย่างรวดเร็ว**
DeFi ได้รับความนิยมตั้งแต่ปี 2021 และในปี 2024 มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผู้บริโภคมองหา DeFi เป็นทางเลือกที่ประหยัดค่าใช้จ่ายแทนธนาคารแบบดั้งเดิม รายงานวิจัยคาดว่าตลาด DeFi มีมูลค่า 46.61 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 78.47 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029 ด้วยข้อได้เปรียบของ DeFi เช่น ไม่มีคนกลาง ค่าธรรมเนียมต่ำ ธุรกรรมข้ามพรมแดนที่ง่าย และสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ที่ช่วยจัดการอัตราดอกเบี้ยและธุรกรรมอัตโนมัติ DeFi จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้งานคริปโต
**3. การแปลงทรัพย์สินจริงเป็นโทเค็น (Tokenized RWA)**
ผู้บริโภคเริ่มแปลงสินทรัพย์จริงเป็นโทเค็นและลงทุนในโทเค็นที่สามารถซื้อขายได้ รายงานประเมินว่าตลาดสินทรัพย์โทเค็นมีมูลค่า 176 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และจะเติบโตถึง 2-30 ล้านล้านดอลลาร์ในอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนชอบโทเค็น RWA เพราะให้สภาพคล่องที่มากขึ้น รวมถึงสามารถลงทุนในส่วนเล็ก ๆ ของสินทรัพย์ใหญ่ได้
**4. บล็อกเชนในอุตสาหกรรมสุขภาพ**
อุตสาหกรรมสุขภาพใช้บล็อกเชนเพื่อจัดการข้อมูลผู้ป่วยให้ปลอดภัยและเชื่อมโยงกันได้ดีขึ้น ตลาดบล็อกเชนด้านสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่า 1.37 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 25.52 พันล้านดอลลาร์ในปี 2034 ใช้ในหลายด้าน เช่น การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การทดลองทางคลินิก และระบบ eConsent
**5. สเตเบิลคอยน์ (Stablecoins) มาแรง**
Stablecoins เป็นผู้ชนะรายใหญ่ในปี 2024 โดยคิดเป็นกว่า 50% ของธุรกรรมบล็อกเชน มูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ เหตุผลสำคัญคือใช้งานง่ายสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน มีความเสถียร และให้โอกาสสร้างผลตอบแทน แม้แต่สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม เช่น Citibank และ State Street ก็เริ่มสนใจ Stablecoins
**6. Base ของ Coinbase เติบโตเร็ว**
เครือข่าย Base บน Ethereum Layer-2 ที่เปิดตัวปลายปี 2023 เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยมีมูลค่ารวมที่ถูกล็อค (TVL) สูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์ และยอดธุรกรรมรายวันเพิ่มขึ้นจาก 500,000 ครั้งในเดือนมีนาคม เป็นกว่า 7.5 ล้านครั้งในเดือนธันวาคม ความเร็วและต้นทุนที่ต่ำกว่าของ Base ดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก
**7. AI และคริปโตจับมือกัน**
AI ยังคงได้รับความสนใจสูง หลายแพลตฟอร์มคริปโตเริ่มรวม AI เข้ากับเหรียญของพวกเขา เช่น ShepskyAI (SEKY), The Graph (GRT), Fetch.ai (FET), Render (RNDR) และ SingularityNet (AGIX) ตัวอย่างเช่น ShepskyAI ใช้ AI ตอบคำถามเกี่ยวกับคริปโตแบบเรียลไทม์ ขณะที่ Fetch AI เสนอแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและแบ่งปันเอเจนต์ AI
**8. เหรียญมีม (Memecoins) พิสูจน์พลังของชุมชน**
เหรียญมีมยังคงได้รับความนิยมในปี 2024 ด้วย Dogecoin และ Pepe ที่เติบโตอย่างมหาศาล นักลงทุนชอบเหรียญมีมเพราะมีโอกาสผลตอบแทนสูง แม้ว่าจะเสี่ยงกว่าเหรียญอื่น ๆ สิ่งสำคัญที่เหรียญมีมแสดงให้เห็นคือความสำคัญของชุมชนที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถผลักดันแนวโน้มและสร้างปรากฏการณ์ระดับพันล้านได้
**บทสรุป**
ปี 2024 แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนไม่ได้ไปไหน และกำลังเปลี่ยนจากความสงสัยมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินและรัฐบาลทั่วโลก ปีหน้าคาดว่าจะเห็นการเชื่อมต่อระหว่าง AI กับคริปโตมากขึ้น พร้อมกับการยอมรับจากสหรัฐฯ ที่อาจเริ่มจริงจังกับคริปโตมากขึ้น