เดวิดลงเดิมพันทั้งหมดกับ Solana โดยเชื่อว่ามันอาจแซงหน้า Ethereum และเขาไม่ขายแม้กระทั่งหลังจากเหตุการณ์ล่มสลายของ FTX
เดวิด แซคส์ หนึ่งในนักลงทุนระดับแนวหน้าของซิลิคอนแวลลีย์ และสมาชิกของกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อ PayPal Mafia เคยซื้อ Bitcoin ตั้งแต่ปี 2013 ตอนที่ราคายังอยู่ที่ 130 ดอลลาร์เท่านั้น
กว่า 10 ปีก่อนที่เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนด้าน AI และคริปโตในทำเนียบขาวในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ราคาของ Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นกว่า 76,000% ตั้งแต่นั้นมา ทำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้าของเขาได้ชัดเจน
ด้วยการลงทุนในบริษัทดังอย่าง Meta, Airbnb และ SpaceX ในช่วงต้น เดวิดได้สร้างชื่อเสียงในโลกเทคโนโลยี ก่อนจะหันมาสนใจ Bitcoin
### ความเชื่อของเดวิดใน Bitcoin, Solana และอนาคตของคริปโต
เดวิดไม่ได้มอง Bitcoin เป็นแค่การลงทุนทั่วไป เขาเคยอธิบายในการพูดคุยกับแอนโทนี่ พอมเปลียโนว่า Bitcoin เป็นอะไรที่มากกว่า เขาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างเงินกับรัฐบาล เหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับรัฐในอดีต
“ในอดีต ศาสนาและรัฐมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด” เขากล่าว “แต่ตอนนี้เรามองว่าทั้งสองสิ่งควรแยกจากกัน Bitcoin ก็เหมือนโลกอนาคตแบบไซไฟ ที่อาจทำให้สองสิ่งนี้ถูกแยกออกจากกันได้” เดวิดมองว่า Bitcoin เป็นเกราะป้องกันจากเงินเฟียตและการเซ็นเซอร์
อย่างไรก็ตาม Bitcoin ไม่ใช่คริปโตเดียวที่เขาสนใจ เดวิดยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ใน Solana (SOL) แม้หลังจากเหตุการณ์ล่มสลายของ FTX ในปี 2022 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักในโลกคริปโต เดวิดยังคงถือครอง SOL อยู่
เขายังคงสนับสนุน Solana อย่างต่อเนื่อง โดยเคยทำนายว่า Solana อาจแซงหน้า Ethereum ได้ในอนาคต ในพอดแคสต์ All-In ปี 2021 เขาเคยกล่าวว่า “มีเงินทุนฉลาด ๆ ในซิลิคอนแวลลีย์ที่กำลังเดิมพันว่า Solana จะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหนือกว่า Ethereum”
นอกจากนี้ เดวิดยังสนับสนุน Multicoin Capital ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในคริปโต ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในฐานะผู้เชื่อมั่นในบล็อกเชนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การแต่งตั้งเขาเป็นผู้แทนคริปโตครั้งนี้จึงเหมาะสมกับการสนับสนุนระยะยาวที่เขามีต่อ Bitcoin
พร้อมกันนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังแต่งตั้ง สก็อตต์ เบสเซนท์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ เป็นรัฐมนตรีคลัง ซึ่งเบสเซนท์ก็สนับสนุนคริปโตเหมือนเดวิด โดยเขาเคยกล่าวว่า “เศรษฐกิจคริปโตคืออนาคตที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน”
### ความกังวลของวงการ AI
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งเดวิดครั้งนี้ทำให้บางคนในวงการ AI รู้สึกกังวล เนื่องจากเขาเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การกำกับดูแลด้านเทคโนโลยีของรัฐบาลอย่างเข้มงวด โดยสนับสนุนให้มีโมเดล AI แบบโอเพนซอร์ส และการกำกับดูแลตัวเองในอุตสาหกรรมนี้
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนในวงการ AI ที่รู้สึกดีต่อเดวิด โดยเฉพาะ แซม อัลท์แมน CEO ของ OpenAI ที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด
เดวิดเคยวิจารณ์ OpenAI อย่างตรงไปตรงมา ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาได้ร่วมกับมาร์ค คิวบัน ในพอดแคสต์ All-In เพื่อตำหนิการเปลี่ยนแปลงของ OpenAI จากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรไปสู่โมเดลธุรกิจเพื่อทำกำไร
OpenAI ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ในฐานะศูนย์วิจัยไม่หวังผลกำไร โดยมีอีลอน มัสก์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายแรกที่ลงทุนไปถึง 50 ล้านดอลลาร์ แต่ภายใต้การนำของอัลท์แมน บริษัทได้สร้างแขนธุรกิจเพื่อหากำไรมาใช้สนับสนุนการดำเนินงาน
อีลอน ซึ่งตอนนี้บริหารบริษัท AI ของตัวเองชื่อ xAI ถึงขั้นฟ้อง OpenAI โดยอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ขัดต่อเป้าหมายดั้งเดิม เดวิดสนับสนุนอีลอนโดยกล่าวหา OpenAI ว่าหลอกลวงนักลงทุน เขาเรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “จากองค์กรเพื่อสังคมไปสู่บริษัทที่หิวกระหายกำไร” คิวบันยังเสริมว่า “เมื่อคุณทำให้นักลงทุนผิดหวัง มันจะย้อนกลับมาหาคุณ กรรมตามทันเสมอในธุรกิจ”
ถึงแม้จะมีคำวิจารณ์ แต่แซม อัลท์แมน ก็ยังโพสต์แสดงความยินดีต่อการแต่งตั้งของเดวิด ซึ่งอีลอนตอบกลับโพสต์นั้นด้วยอิโมจิที่แฝงความเสียดสี
