ในขณะนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลตลาดหลักทรัพย์และการลงทุนในสหรัฐ ถูกนำโดยแกรี เจนสเลอร์ ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามอุตสาหกรรมคริปโตของรัฐบาล
เดือนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกของสหรัฐ ได้ประกาศความตั้งใจที่จะแต่งตั้ง พอล แอตกินส์ ผู้สนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซี เป็นประธาน SEC ทรัมป์ยกย่องแอตกินส์โดยเน้นว่าเขา “เข้าใจว่าทรัพย์สินดิจิทัลและนวัตกรรมอื่น ๆ มีความสำคัญต่อการทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ขึ้น” หลังการแต่งตั้งนี้ ทรัมป์ยังได้แต่งตั้ง เดวิด แซ็คส์ นักลงทุนชื่อดังและเพื่อนของอีลอน มัสก์ เป็นหัวหน้าด้าน AI และคริปโตแห่งทำเนียบขาว
ในอดีต ทรัมป์เคยไม่ชอบคริปโต แต่ตอนนี้เขาให้คำมั่นว่าจะทำให้สหรัฐเป็น “เมืองหลวงแห่งคริปโตของโลก” และสร้าง “ทุนสำรองยุทธศาสตร์” ของบิตคอยน์ แคมเปญของเขายังรับเงินบริจาคในรูปแบบคริปโต และเขาได้เข้าร่วมงานประชุมบิตคอยน์เพื่อพบปะกับผู้สนับสนุนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในปี 2024 องค์กร Public Citizen ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสิทธิผู้บริโภค รายงานว่าบริษัทในอุตสาหกรรมคริปโตได้ใช้เงินกว่า 119 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโตในระดับรัฐบาลกลาง
ทรัมป์ยังได้เปิดตัวโครงการใหม่ชื่อ World Liberty Financial กับสมาชิกในครอบครัว เพื่อทำธุรกิจซื้อขายคริปโต เขายังผลักดันแนวคิดเกี่ยวกับการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อปฏิวัติระบบการเงินแบบดั้งเดิม นับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ราคาคริปโตได้พุ่งสูงขึ้น บิตคอยน์มีมูลค่าเกิน $100,000 และหุ้นของ Coinbase แพลตฟอร์มคริปโตชื่อดัง เพิ่มขึ้นกว่า 70%
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความสนใจที่กลับมาสูงในคริปโต เกิดจากความไม่มั่นคงของค่าเงินหลักในประเทศพัฒนาแล้ว หลายคนเรียกร้องให้สร้างสกุลเงินสำรองใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศ BRICS ปัจจัยอื่น เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามในยูเครน และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ก็ส่งผลกระทบเช่นกัน การที่สหรัฐอายัดทุนสำรองดอลลาร์ของรัสเซีย ยิ่งกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนคริปโตมีความมั่นใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะสัญญาว่าจะทำให้คริสต์มาสนี้เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับคริปโต แต่ราคาบิตคอยน์ก็ยังผันผวน ล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ $94,355 เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่กำลังจะออกมา ตลาดคริปโตทั้งหมดรวมถึงอีเธอเรียมและเหรียญอื่น ๆ ก็ตกลงเช่นกัน
ถึงแม้คริปโตจะยังไม่มีความมั่นคงในตอนนี้ แต่มันอาจได้รับการเชื่อมโยงกับสกุลเงินโลกในอนาคต แต่สิ่งสำคัญคือการออกแบบ การจัดการ และโครงสร้างที่เหมาะสม ทั้งผู้สนับสนุนและหน่วยงานกำกับดูแลยังไม่สามารถกำหนดเส้นทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการนำคริปโตมาใช้ในวงกว้าง หากโลกต้องการสกุลเงินที่สองเพื่อแข่งขันกับดอลลาร์ สหรัฐอาจพยายามผลักดันให้เป็นบิตคอยน์
สำหรับอินเดีย รัฐบาลยังไม่ได้แบนหรือยอมรับคริปโต แต่ใช้วิธีจำกัดอย่างหนัก รวมถึงห้ามธนาคารทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโต ด้วยกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง อินเดียจำเป็นต้องเร่งกำหนดกรอบนโยบายเกี่ยวกับคริปโตโดยไม่รอฉันทามติจาก G20 ซึ่งอาจมาช้าเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
