นักวิเคราะห์จาก Citi คาดการณ์ว่าตลาดคริปโตจะเติบโตอย่างมากในปี 2025 โดยมีปัจจัยหลายอย่างที่ผสานกัน ทั้งนโยบายจากทรัมป์, การเปิดตัว ETF และนวัตกรรมในตลาด Stablecoin ทั้งหมดนี้ต่อยอดจากปี 2024 ซึ่ง Bitcoin ทำสถิติสูงสุดครั้งแรกแตะ $100,000 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเติบโตที่สูงมาก
การกลับมาของทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2024 เป็นสัญญาณของการปรับปรุงกฎระเบียบด้านคริปโตอย่างสิ้นเชิง โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือการแต่งตั้ง Paul Atkins ให้เป็นหัวหน้าของ SEC (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ) ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูให้ ETF ของ Bitcoin และ Ethereum ที่รอการอนุมัติมานานหลายปี
นักวิเคราะห์ Citi นำโดย Alex Saunders ระบุว่า ปี 2024 เป็นปีที่แข็งแกร่งสำหรับคริปโต โดยมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นกว่า 90% การเติบโตส่วนใหญ่มาจากเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่ ETF ใหม่เหล่านี้ ทำให้คริปโตเข้าถึงนักลงทุนแบบดั้งเดิมได้ง่ายขึ้น พวกเขายังเสริมอีกว่า “กระแสเงินทุนเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของผลตอบแทนคริปโต และเราคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2025”
นอกจากนี้ รัฐบาลของทรัมป์กำลังทำงานเพื่อทำให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีแผนสร้างทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ และการแต่งตั้ง David Sacks นักลงทุนด้าน Venture Capital ให้เป็นผู้ดูแลด้าน AI และคริปโตในทำเนียบขาว ซึ่งจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อคริปโตมากขึ้น
Sacks ได้รับมอบหมายให้ร่างกรอบกฎระเบียบแบบกว้างๆ สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งแตกต่างจากการควบคุมที่เน้นการบังคับใช้ในยุคก่อน นักวิเคราะห์ Citi เรียกสิ่งนี้ว่า “ไม่ใช่การลดกฎระเบียบ แต่เป็นการขจัดอุปสรรค” ดังนั้นแม้จะมีการกำกับดูแล แต่กฎระเบียบใหม่นี้จะลดข้อจำกัดที่เคยขัดขวางอุตสาหกรรมคริปโตมาโดยตลอด
ETF ของ Bitcoin และ Ethereum เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโต โดยเมื่อได้รับการอนุมัติในปี 2024 นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อยก็สามารถเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดกระแสเงินทุนจำนวนมหาศาลเข้าสู่ตลาด นักวิเคราะห์ Citi ยังย้ำว่า “สิ่งนี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของผลตอบแทนคริปโต” และจะยังคงเป็นเช่นนั้นในปี 2025
พวกเขายังกล่าวถึงความผันผวนของ Bitcoin โดยระบุว่าเพื่อให้ Bitcoin เหมาะสมกับพอร์ตโฟลิโอ ผลตอบแทนที่สูงต้องสามารถชดเชยความเสี่ยงได้ “สำหรับการจัดสรร 5% ผลตอบแทนต้องสูงในระดับสองหลัก หรือประมาณ 21% เมื่อใช้ผลตอบแทนล่าสุด ซึ่งมีความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่สูง นักลงทุนต้องได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสมสำหรับความเสี่ยงเพิ่มเติม”
ตลาด Stablecoin ก็มีแนวโน้มเติบโตในปี 2025 ด้วยแรงผลักดันจากนวัตกรรมและการแข่งขัน รายงานจาก Citi เน้นถึงผู้เข้ามาใหม่และความร่วมมือที่กำลังท้าทายความเป็นผู้นำของ Tether และทำให้ตลาดมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการพึ่งพาผู้ออกเหรียญรายเดียวมากเกินไป
นอกเหนือจากการซื้อขายคริปโต Stablecoins กำลังเข้าสู่แพลตฟอร์ม DeFi และระบบชำระเงิน ซึ่งสามารถช่วยขยายการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้างขึ้นได้
นักวิเคราะห์ Citi ระบุว่า “การนำ Stablecoin ไปใช้ในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการซื้อขายคริปโต จะช่วยสนับสนุน DeFi และสร้างความมีส่วนร่วมในพื้นที่นี้มากขึ้น”
แม้ว่า Citi จะยอมรับถึงการมีส่วนร่วมของสถาบันผ่าน ETF และนวัตกรรมของ Stablecoin แต่พวกเขากล่าวว่าการยอมรับในวงกว้างยังคงจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาวของคริปโต ประเทศเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างตุรกี อาร์เจนตินา และเวเนซุเอลา เริ่มใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อป้องกันเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของค่าเงิน ซึ่งจะช่วยผลักดันการยอมรับในระดับโลกอย่างมาก
Citi ยังคาดการณ์ว่านโยบายของทรัมป์จะทำลายอุปสรรคที่เคยขัดขวางการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีความท้าทาย เช่น ความผันผวนของราคา Bitcoin และภูมิทัศน์กฎระเบียบทั่วโลกที่ไม่เท่าเทียมกัน แต่ก็จำเป็นต้องหาสมดุลระหว่างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อกฎระเบียบและกลไกบริหารความเสี่ยง
แนวโน้มตลาดคริปโตปี 2025 จาก Citi ดูสดใส ด้วยนโยบายของทรัมป์ที่สนับสนุนนวัตกรรม การมี ETF ที่ช่วยให้เข้าถึงได้ง่าย และนวัตกรรม Stablecoin ที่ทำให้ตลาดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น อุตสาหกรรมนี้พร้อมสำหรับอีกปีที่ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนและความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องจัดการ หากมีการมุ่งเน้นไปที่การนำไปใช้งานจริงและกรณีใช้งานที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า คริปโตอาจพบตำแหน่งของตัวเองในฐานะเครื่องมือทางการเงินในเศรษฐกิจโลก
